รมว.พิพัฒน์ ร่วมงานเสวนา ภายใต้หัวข้อ การปฏิรูปมาตรฐานกลางเพื่อพัฒนามวยไทยอาชีพอย่างยั่งยืน

1 กรกฎาคม 2565

วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เวลา 13.00 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (รมว.กก.)  ร่วมงานเสวนา ภายใต้หัวข้อ การปฏิรูปมาตรฐานกลางเพื่อพัฒนามวยไทยอาชีพอย่างยั่งยืน ณ ห้องประชุม ชั้นที่ 25 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์ที่ต้องการระดมความคิดเห็นเพื่อแลกเปลี่ยนและรับฟังความคิดเห็นของบุคคลากรต่างๆ ในวงการมวย ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มตัวแทนนายสนามมวย กลุ่มตัวแทนผู้จัดการแข่งขันมวยไทย กลุ่มเจ้าของค่ายมวยและนักมวย กลุ่มผู้ตัดสินมวย กลุ่มนักวิชาการด้านการจัดการการกีฬา และสื่อมวลชนกีฬา

     สืบเนื่องจากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.65 ในรายการแข่งขันชกมวย "ศึกเพชรยินดี" ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้ปรากฏเป็นข่าวบนสื่อสาธารณะอย่างกว้างขวาง ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์ของกีฬามวยไทยและประชาชนในวงกว้าง ดังนั้นสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทยมีความเป็นห่วงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ. 2542 ในการส่งเสริม สนับสนุน อนุรักษ์การเผยแพร่กีฬามวย และมีหน้าที่ วางแผนและกำหนดมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวกับกีฬามวยเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยและสวัสดิภาพ ให้เกิดความสงบเรียบร้อย จึงได้จัดเวทีประชุมเสวนาการปฏิรูปมาตรฐานกลางเพื่อพัฒนามวยไทยอาชีพอย่างยั่งยืน ซึ่งทุกข้อเสนอแนะและทุกความคิดเห็นในวันนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการนำไปใช้เพื่อแก้ปัญหาอย่างบูรณาการต่อไป

     สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การจัดประชุมเสวนาในวันนี้ จะช่วยให้บุคคลากรและผู้เกี่ยวข้องในวงการมวยสามารถนำเสนอประเด็นปัญหาและข้อเสนอแนะ ซึ่งจะนาไปสู่การแก้ปัญหาอย่างถาวรในการจัดทำมาตรฐาน 5 ด้าน ซึ่งประกอบด้วย 1. มาตรฐานผู้ฝึกสอนมวยไทย 2. มาตรฐานการตัดสินกีฬามวยไทย 3. มาตรฐานการจัดการค่ายมวยไทย 4. มาตรฐานการจัดการแข่งขันกีฬามวยไทย 5. มาตรฐานการเรียนการสอนกีฬามวยไทย เพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานกลางสำหรับทุกๆ องค์กรกีฬามวยไทยจะได้นำไปใช้ประโยชน์ร่วมกันและสร้างความสามัคคีให้แก่ทุกๆ คนในวงการมวยไทยเพื่อก้าวไปข้างหน้าและช่วยกันส่งเสริมให้กีฬามวยไทยอยู่คู่ประเทศไทยและเป็นของคนไทยทุกๆ คน และสามารถนำมาตรฐานมวยไทยทั้ง 5 ด้านไปใช้ทั่วโลก เพื่อตอกย้ำความเป็นเอกลักษณ์ของมวยไทยซึ่งจะสามารถนำไปขยายผลเป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ในแบบซอฟพาวเวอร์ สำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและกีฬาในอนาคตอย่างยั่งยืน
แชร์บทความ :